งานวิจัยจาก MIT และ IBM เผย มนุษย์ยังเป็นแรงงานที่น่าดึงดูดกว่า AI โดย AI ยังสามารถทดแทนแรงงานมนุษย์ได้เพียง 50% เท่านั้น ที่เหลืออีก 50% ยังคงเป็นงานที่จำเป็นต้องมีมนุษย์มาทำงาน
งานวิจัยดังกล่าวได้สำรวจงานกว่า 2,000 งานใน 15 ประเทศ โดยพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ทักษะที่จำเป็นในการทำงาน ระดับความซับซ้อนของงาน และระดับความเสี่ยงของงาน
ผลการศึกษาพบว่า AI สามารถทดแทนแรงงานมนุษย์ได้เพียง 50% เท่านั้น โดยงานที่สามารถทดแทนด้วย AI ได้ส่วนใหญ่เป็นงานที่มีทักษะทางเทคนิคสูง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การออกแบบผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาซอฟต์แวร์
สำหรับงานที่เหลืออีก 50% นั้น ยังคงเป็นงานที่จำเป็นต้องมีมนุษย์มาทำงาน เนื่องจากงานเหล่านี้ต้องใช้ทักษะทางสังคม ทักษะทางอารมณ์ และทักษะเชิงสร้างสรรค์ ซึ่ง AI ยังไม่สามารถทดแทนได้ เช่น งานบริการลูกค้า งานขาย งานบริหารงาน และงานสร้างสรรค์
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยดังกล่าวก็ชี้ให้เห็นว่า AI มีแนวโน้มที่จะเข้ามามีบทบาทในภาคแรงงานมากขึ้นในอนาคต ดังนั้น มนุษย์จึงจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการทำงานในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะทางสังคม ทักษะทางอารมณ์ และทักษะเชิงสร้างสรรค์
ข้อเสนอแนะ
เพื่อเตรียมความพร้อมให้มนุษย์ทำงานร่วมกับ AI ในอนาคต มนุษย์ควรดำเนินการในประเด็นต่างๆ ดังนี้
- พัฒนาทักษะทางสังคม ทักษะทางอารมณ์ และทักษะเชิงสร้างสรรค์
ทักษะเหล่านี้เป็นทักษะที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับ AI เนื่องจาก AI ไม่สามารถเข้าใจหรือตอบสนองต่ออารมณ์ของมนุษย์ได้
- เรียนรู้เกี่ยวกับ AI
มนุษย์ควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ AI อย่างลึกซึ้ง เพื่อสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง
โลกการทำงานในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ดังนั้น มนุษย์จึงจำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
งานวิจัยจาก MIT และ IBM แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญในภาคแรงงานในอนาคต อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็จำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับ AI เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ